เมนู

อามกธัญญเปยยาล จตุตถวรรคที่ 10



ว่าด้วยสัตว์ผู้มีการกระทำต่าง ๆ กัน



[1786] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้งดเว้นจาก
การรับไร่นาและที่ดิน มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการรับไร่นา
และที่ดิน มีมากกว่า ฯลฯ
[1787] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้งดเว้นจาก
การซื้อและการขาย มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการซื้อและขาย
มีมากกว่า ฯลฯ
[1788] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้งดเว้นจาก
การประกอบทูตกรรมและการรับใช้ มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจาก
การประกอบทูตกรรมและการรับใช้ มีมากกว่า ฯลฯ
[1789] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้งดเว้นจาก
การโกงด้วยตราชั่ง การโกงด้วยของปลอม และการโกงด้วยเครื่องตวงวัด
มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการโกงด้วยตราชั่ง การโกงด้วยของ
ปลอม และการโกงด้วยเครื่องตวงวัด มีมากกว่า ฯลฯ
[1790] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้งดเว้นจาก
การรับสินบน การล่อลวง และการทำของปลอม มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้
ไม่งดเว้นจากการรับสินบน การล่อลวง และการทำของปลอม มีมากกว่า ฯลฯ
[1791] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้งดเว้นจาก
การตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น และกรรโชก มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้น จากการตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น
และกรรโชก มีมากกว่า ฯลฯ

[1792] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงช้อนฝุ่นไว้ในปลายพระ-
นขา แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอ
ทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อยที่เราช้อนไว้ในปลายเล็บ
กับแผ่นดินใหญ่นี้อย่างไหนจะมากกว่ากัน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ แผ่นดินใหญ่นี้แลมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงช้อนไว้ที่ปลายพระนขามีประมาณน้อย เมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่ ฝุ่น
เล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงช้อนไว้ที่ปลายพระนขา ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ
การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วนเสี้ยว ดูก่อภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติในพวกมนุษย์แล้วกลับมาเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์
ที่จุติจากมนุษย์ได้แล้ว กลับไปเกิดในนรก มีมากกว่า ฯลฯ
[1793] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจาก
มนุษย์ไปแล้ว จะกลับมาเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจาก
มนุษย์ไปแล้ว กลับไปเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน มีมากกว่า ฯลฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว
จะกลับมาเกิดในพวกเทวดามีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว กลับ
ไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิติวิสัย มีมากกว่า ฯลฯ
[1794] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจาก
เทวดาแล้ว จะกลับมาเกิดในพวกเทวดา มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจาก
เทวดาไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ
[1795] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจาก
เทวดาแล้ว จะกลับไปเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจาก

เทวดาไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ
[1796] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจากนรก
ไปแล้ว จะกลับไปเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากนรก
ไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย มีมากกว่า ฯลฯ
[1797] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจากนรก
ไปแล้ว จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากนรกไป
แล้วกลับไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย มีมากกว่า ฯลฯ
[1798] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจาก
กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว กลับไปเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์
ที่จุติจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย มีมากกว่า ฯลฯ
[1799] ดูก่อนทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจากกำเนิด
สัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่
จุติจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย มีมากกว่า ฯลฯ
[1800] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจาก
ปิตติวิสัยไปแล้ว จะกลับ ไปเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติ
จากปิตติวิสัยไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ
[1801] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจากปิตติ
วิสัยไปแล้ว จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจาก
ปีติวิสัยไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก มีมากกว่า ฯลฯ

[1802] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจากปิตติ-
วิสัยไปแล้ว จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจาก
ปิตติวิสัยไปแล้ว กลับไปเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน มีมากกว่า ฯลฯ
[1803] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจากปิตติ
วิสัยไปแล้ว จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจาก
ปิตติวิสัยไปแล้ว กลับไปเกิดในปิตติวิสัย มีมากกว่า ข้อนั้น เพราะเหตุไร
เพราะไม่เห็นอริยสัจ 4 อริยสัจ 4 เป็นไฉน คือ ทุกขอริยสัจ ทุกขสมุทย
อริยสัจ ทุกขนิโรธอริยสัจ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลาย พึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตาม
ความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้น ชื่นชม
ยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ฉะนี้แล.
จบอามกธัญญเปยยาลจตุตถวรรคที่ 10
จบจักกเปยยาล
จบสัจจสังยุต
จบมหาวารวรรคสังยุต

อามกธัญญเปยยาลวรรควรรณนา



พึงทราบอธิบายในอามกธัญญเปยยาลวรรค.
คำว่า สัตว์ผู้ประกอบด้วยปัญญาจักษุอันเป็นอริยะ ความว่า ผู้มี
ปัญญาจักษุเป็นโลกิยะและโลกุตระ ตั้งต้นแต่วิปัสสนา. ในคำว่า ผู้งดเว้น
จากการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
มีอธิบายว่า ขึ้นชื่อว่า สุรามี 5 อย่างคือ สุราทำด้วยแป้ง 1 สุราทำด้วยข้าว
สุก 1 สุราทำด้วยขนม 1 สุราที่ใส่ด้วยส่าเหล้า 1 สุราประกอบจากเครื่อง
ปรุง 1 น้ำดองอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านกล่าวไว้อย่างนี้ว่า น้ำดองดอกไม้ น้ำ
ดองผลไม้ ชื่อว่าเมรัย. คำว่า น้ำเมา ได้แก่ ทั้งสอง. อธิบายว่า ก็อีกอย่าง
หนึ่ง น้ำเมาชนิดใดแม้อื่นที่พันแล้วจากสุราและน้ำหมักดอง อันบุคคล
พึงเมา. คนทั้งหลาย ย่อมดื่มสุราและเมรัยนั้น ด้วยเจตนาใด เจตนานั้น
ชื่อว่า เป็นฐานะแห่งความประมาท เพราะเป็นเหตุแห่งความประมาท เป็น
ผู้เว้น แล้วจากการดื่มสุราและเมรัยนั้น.
คำว่า ผู้เกื้อกูลแก่มารดา คือ ผู้มีประโยชน์เกื้อกูลแก่มารดา อธิบาย
ว่า ผู้ปฏิบัติชอบในมารดา.
พึงทราบอธิบายในคำเป็นต้นว่า ผู้เกื้อกูลแก่บิดา. ผู้มีประโยชน์เกื้อ
กูลต่อบิดา ชื่อว่า ผู้เกื้อกูลแก่บิดา. ผู้มีประโยชน์เกื้อกูลต่อสมณะทั้งหลาย
ชื่อว่า ผู้เกื้อกูลแก่สมณะ. ผู้มีประโยชน์เกื้อกูลต่อพราหมณ์ทั้งหลาย ชื่อว่า
ผู้เกื้อกูลแก่พรหม. คำว่า เปตเตยยะเป็นต้นนี้เป็นของผู้ปฏิบัติชอบในบิดา
เป็นต้น เหล่านั้น ๆ นั่นเทียว.